เขียนโดย พิยดา ป้องชารี
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/818177457301643755/
ในเวลานี้ ถ้าหากพูดถึง 'Netflix' คงไม่มีใครไม่รู้จัก และน้อยคนนักที่จะหักห้ามใจตนเองไม่ให้สมัครเป็นสมาชิกของ Netflix ได้ ถ้าใครเป็นคอหนังหรือคอซีรีส์แล้ว เนทฟลิกซ์ แทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะที่นี่คือแพลตฟอร์มที่รวบรวมทั้งภาพยนตร์ การ์ตูน สารคดี หรือแม้กระทั่งซีรีส์จากทั่วทุกุมุมโลกมาเสิร์ฟให้ถึงหน้าจอของทุกท่านแล้ว
สงสัยกันไหมว่า Netflix กลายมาเป็นมหาอำนาจแห่งวงการวิดีโอสตรีมมิงได้อย่างไร? ใครเป็นผู้สร้างโลกแห่งนี้? แล้วกว่าจะเดินทางจนมาถึงจุดๆ นี้ได้ Netflix ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวฝ่าวิกฤตอะไรมาบ้าง เราไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ที่มา : https://media.giphy.com/media/XCopjiQ1O29sA/giphy.gifต้นกำเนิดของ Netflix มาจากชายที่มีชื่อว่า Reed Hastings เขาเดินเข้าไปในร้านเช่าวิดีโอ Blockbuster เพื่อเช่าหนังเรื่อง Apollo13 แต่เขาดันคืนแผ่นช้ากว่ากำหนดไปประมาณเดือนกว่า ทำให้ถูกปรับเป็นเงิน 40 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,200 บาท) เขารู้สึกว่าการเสียเงินมากขนาดนั้นเพื่อเช่าหนังมาดูสักเรื่องมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เขาจึงมีไอเดียในการเปิดร้านเช่าวิดีโอแบบใหม่ขึ้น
ทำไมต้องใช้ชื่อ "Netflix" ถ้าจะพูดถึงความหมายแล้วไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เกิดขึ้นจากการประกอบคำสองคำไว้ด้วยกัน นั่นคือ คำว่า 'Net' หมายถึง Internet ที่เราใช้กันอยู่ทั่วไป และคำว่า 'Flix' เป็นศัพท์แสลงที่มาจากคำว่า 'Flicks' แปลว่า ภาพยนตร์ เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันจะหมายถึง ภาพยนตร์ผ่านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง
ในปี 1997 Reed Hastings และ Mark Randolph ได้เริ่มต้นการทำธุรกิจเช่าดิวิดีแบบออนไลน์ ซึ่งจัดส่งทางไปรษณีย์ โดยผู้เช่าสามารถเช่าดิวิดีได้แบบไม่จำกัดเรื่อง ไม่จำกัดเวลา และไม่จำกัดจำนวนครั้ง ในราคาเพียง 7.99 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 260 บาท) แต่วิธีนี้ไม่เวิร์คเอาสะเลย เพราะมันทำให้เขาเกือบล้มละลาย ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่
ในปี 1999 เขาเปลี่ยนแปลงการให้บริการใหม่ โดยให้สมาชิกเสียค่าเช่าดิวิดีแบบรายเดือน แต่ก็ต้องประสบปัญหาวิกฤตฟองสบู่ดอทคอม จนกระทั่งในปี 2000 เขาถึงขั้นจะขายบริษัทให้กับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Blockbuster แต่ก็ถูกผู้บริหารของ Blockbuster ปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่า Netflix มีมูลค่าสูงเกินไป ทำให้ Reed Hastings กลับมาประกาศศักดาครั้งใหม่เพื่อโค่นล้ม Blockbuster
ที่มา : https://media.giphy.com/media/l3q2UyW34cT2rcgko/giphy.gif
Netflix ได้ทำการปรับปรุงระบบใหม่อีกครั้ง โดยในปี 2007 ได้เปิดบริการระบบแบบ Online Steaming ซึ่งมีหน้าตาแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมเข้าถึงวิดีโอได้ง่ายมากขึ้น และพัฒนาระบบ Movie Recommendation ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Netflix เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณจะถูก Netflix ชักชวนมาดูรายการที่น่าสนใจ หรือแม้กระทั่งตอนที่คุณเป็นส่วนหนึ่งของ Netflix แล้ว คุณก็จะถูกแนะนำภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ สิ่งนี้เป็นตัวกระตุ้นความนิยมชั้นดีของผู้ชมที่มีต่อ Netflix ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบัน และในปี 2010 Netflix ก็สามารถโค่นล้ม Blockbuster ได้สำเร็จ
ที่มา : https://media.giphy.com/media/bjgM8gomF0snK/giphy.gifแต่ถึงยังไงถ้าหากมองย้อนกลับไปในอดีต Netflix ในตอนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดย Netflix กลายเป็น Online Steaming ที่มีสมาชิกกว่า 117 ล้านคนทั่วโลก อีกทั้งยังมี Original Content เป็นของตัวเองที่โด่งดังครองใจผู้ชมมากมายแบบที่ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ Netflix ถูกยกขึ้นแท่น เจ้าแห่งวงการ Online Streaming ในทุกวันนี้
/19366. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2564.
นรินทร์พล ตรีรัตน์สกุล. [ออนไลน์]. (2561). Netflix จากร้านเช่าวิดีโอสู่การเป็นผู้ให้บริการ online
steaming ที่มีสมาชิกกว่าร้อยล้านคนทั่วโลก. จาก https://taokaemai.com/netflix-%E0%B8%
สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2564.
Comments
Post a Comment